แว่นตากันแดดของ Ray-Ban มีเลนส์อยู่สี่ประเภทด้วยกัน ได้แก่ เลนส์
B15, เลนส์ G15, เลนส์โพลาไรซ์,
และเลนส์ปกติ ซึ่งจะไม่กล่าวในที่นี้เพราะไม่มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับเลนส์ดังกล่าวแค่มีสีที่แตกต่างกัน
เลนส์ B15
เลนส์ Ray-Ban B15 XLT (ถ้ามี XLT ต่อท้ายคือการเพิ่มความสว่างกว่ารุ่นปกติ)มีสีน้ำตาลอ่อน, กัน UV ทุกประเภทได้ 100% ให้แสงผ่านเข้ามาในเลนส์แค่ 15% (กันแสงไว้ถึง
85%) นอกจากนี้ยังเพิ่มความคมชัดเหมือนกับเลนส์
G15 XLT โดยการลดปริมาณแสงสีฟ้าที่จะเข้ามาในเลนส์ด้วย
เนื่องจากแสงสีฟ้านั้นดวงตารับรู้ได้ง่ายจึงจะไปรบกวนสีอื่นด้วย
พูดง่ายๆคือการลดแสงสีฟ้าทำให้มองเห็นความแตกต่างของสีและความสว่างของวัตถุชัดขึ้นนั่นเอง
เลนส์ G15
เลนส์นี้มีคุณสมบัติเหมือนกันเลนส์ B15 XLT แต่เลนส์
G15 XLT มีสีเทา
/ สีเขียว ชึ่งเลนส์ G15 XLT คือเลนส์ต้นแบบที่ใช้กับนักบิน
(aviator)
ซึ่งกองทัพขอให้ Ray-Ban พัฒนาขึ้นมา ซึ่งความท้าทายในการออกแบบคือ ต้องการเลนส์ที่มองเห็นเป็นแสงธรรมชาติที่สุดหรือใส่แว่นกันแดดนี้แล้วเหมือนมองด้วยตาเปล่านั่นเอง
เลนส์ G15 XLT
จึงให้ความนุ่มสบายตาเหมือนธรรมชาติ
ทั้งเลนส์ B15 กับ G15 XLT ทำจากแก้วที่ทนรอยขีดข่วนตามธรรมชาติ
คุณภาพและความคงทนได้ระบุอยู่บนเลนส์ ด้วยคำว่า Ray Ban ซึ่งจะสังเกตได้ว่าไม่ว่านานเท่าไหร่
คำว่า Ray Ban จะไม่ซีดจางลงเลย
เลนส์โพลาไรซ์
เลนส์โพลาไรซ์เป็นเลนส์ที่ตัดแสงสะท้อนที่เกิดจาก
น้ำ วัตถุกึ่งโปร่งแสง หรือโลหะออกไป เพราะเมื่อมีแสงสะท้อนเข้ามาทำให้มองเห็นความสว่างของวัตถุยากขึ้น
แสงสะท้อนที่เกิดจากดวงอาทิตย์นั้นเข้ามาดวงตาได้หลายแนว (แนวตั้ง, แนวนอน หรือแนวเฉียง)
เมื่อเราทำกิจกรรมต่างๆเราจะอยู่ในแนวตั้ง แสงที่เข้ามาเหมือนแฟชั่นทำให้ม่านตาดำหดตัว
และความคมชัดลดลง ดังนั้นเมื่อขับรถขณะดวงอาทิตย์อยู่ด้านหน้าทำให้มองเห็นทางลำบากมาก
เลนส์โพลาไรซ์ถูกเคลือบด้วยผิวลามิเนตในแนวตั้งทำให้กรองแสงในแนวนอนออกไป
มีเพียงแสงในแนวตั้งที่ผ่านเข้ามาได้ ทำให้มองเห็นใต้ผิวน้ำ
หรือถ้าขับรถก็จะมองเห็นทางข้างหน้าได้ชัดขึ้น แต่บางลามิเนตที่นำมาเคลือบเป็นเลนส์โพลาไรซ์เวลามองภาพที่จอ
LCD จะเห็นเป็นบิดเบี้ยว หรือ จะส่งผลให้เห็นเป็นรุ้งๆในกรณีที่ฟิล์มรถยนต์ที่เคลือบด้วยสี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น